ขับเคลื่อนโดย Blogger.
RSS

ทำไมเราต้องเรียนหนังสือ?????

                                               
                                                           ทำไมเราต้องเรียนหนังสือ


...ผมเคยสงสัยและถามตัวเองมาโดยตลอดตอนที่เป็นเด็กว่า "ทำไมเราต้องเรียนหนังสือด้วยน้า?" ซึ่งก็ไม่ได้คำตอบที่ทำให้หายสงสัยสักที จนโตขึ้นมาเลยรู้ว่าทำไมต้องเรียน...

...กลายเป็นว่าได้คำตอบไปเองโดยปริยาย  

...แต่ว่ากว่ารู้คำตอบบางทีมันก็ย้อนเวลากลับไปตั้งใจเรียนไม่ได้แล้วอ่ะ  ก็เลยอยากจะบอกน้อง ๆ ว่าขอให้ตั้งใจเรียนกันต่อไปนะครับ สำหรับใครที่คิดว่าตัวเองไม่เก่ง...ขอให้เลิกคิดไปเลยนะครับ เพราะไม่มีใครโง่และไม่มีใครฉลาดค้ำฟ้าหรอกนะครับ คนเรามันพัฒนากันได้...ส่วนคนที่คิดว่าไม่รู้จะเรียนไปทำไม แล้วโดดเรียนอยู่บ่อย ๆ ก็พยายามเอาตัวรอดให้จบก็ยังดีนะครับ เพราะที่เห็นแถว ๆ บ้านผมเรียนก็ไม่จบ แถมยังริเป็นโจรเป็นขโมยอีกต่างหาก เห็นเข้าซังเตไปหลายคนแล้ว ก็ฟังไว้เป็นอุธาหรณ์นะครับ

...ส่วนเรื่องเกรด อย่าไปหวังอะไรมากครับ ถ้าเรียนดีอยู่แล้วก็จงเรียนให้ดีต่อไป แต่คนที่ได้เกรดน้อย ๆ ก็พยายามทำให้เต็มที่ครับ ผมไม่ได้บอกให้เกรดมันเพิ่มขึ้นนะครับ ผมบอกว่าทำให้เต็มที่ถึงมันจะได้ไม่มากก็จงภูมิใจในเกรดตัวเองนะครับ...

...สำหรับครู-อาจารย์บางท่าน ถ้าได้อ่านข้อความนี้ขอบอกไว้ด้วยเลยนะครับ ว่าอย่าเคร่งครัดหรือหย่อนยานมากจนเกินไป เดินทางสายกลางบ้าง เพราะอนาคตลูกศิษย์อยู่ในกำมือท่านนะครับ เด็กท้อแท้กับอาจารย์มาหลายคนแล้วครับ อ้อ...อีกอย่างหนึ่ง ครูก็เป็นอาชีพมีศักดิ์ศรีนะครับ อย่าทำให้ศักดิ์ศรีที่ดีงามด่างพล้อย...ถึงแม้เศรษฐกิจจะตกต่ำแค่ไหน อย่างน้อยก็สอนพิเศษให้น้อยลงหน่อย แบ่งความรู้ให้นักเรียนเท่า ๆ กัน อย่ากั๊กไว้สอนพิเศษมากนักนะครับ...ตลอดชีวิตผมไม่เคยเรียนพิเศษเลยครับ เพราะผมคิดมาตลอดว่าคนเราเก่งได้ ถ้าขยันครับ และไม่คิดว่าการเรียนพิเศษ เป็นสิ่งที่เด็กขยันทุกคนเขาทำกัน ลองนึกดูนะครับพ่อแม่ของเราก็ไม่ได้เรียนพิเศษนะครับ ก็ยังเก่งได้เลย...มันขึ้นอยู่กับตัวเด็กและสามัญสำนึกของคนสอนครับ ว่า... "ทำเพื่ออนาคตของชาติ" หรือ "ทำเพื่อเงิน" ผมพูดอย่างนี้เพราะผมมีประสบการณ์ตรงครับ คนไหนดีก็ว่าดี คนไหนไม่ดีก็ว่าไม่ดี...เพราะผมเป็นคนตรง จริงจัง และไม่ชอบเลียใคร!

...มาต่อกันอีกหน่อย การประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเรียนเพียงอย่างเดียวนะครับ ดังนั้น ถ้าใครยังสับสนว่า...ที่เราเรียนอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไร? ขอบอกไว้เลยนะครับ ว่า "เรียนเพื่อรู้" ครับ...ยิ่งรู้มากยิ่งได้เปรียบครับ และที่สำคัญ "ไม่มีใครแก่เกินเรียน" ครับ ถ้าขยัน หมั่นหาตำรามาค้นคว้า หมั่นทำแบบฝึกหัด แล้วสักวันคุณอาจเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิต 

...การเอ็นทรานซ์ไม่ได้เป็นความสำเร็จในชีวิตสูงสุด แต่เป็น "จุดเริ่มต้น" เท่านั้นเอง...เพราะหลายคนก็ถูก "รีไทร์" เพราะไปไม่รอด แต่ก็อย่าหมดหวังนะครับ ถ้าพลาดก็ต้องสู้ใหม่...เราต้องรู้ตัวเราเองว่า...ชอบอะไร...ถนัดสายไหน ถ้าเราเข้าใจตัวเองแล้วเราจะประสบความสำเร็จในการเรียน ที่พูดให้ฟังไม่ใช่อะไร เพราะเด็กปีหนึ่งเรียนไปได้สักพักก็ขอย้ายคณะกันให้วุ่น...เห็นประจำเลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่รู้ตัวเอง หรือก่อนสอบเข้ามาไม่ได้รู้เลยว่า...สอบเข้ามาทำไม? อันนี้ฝากไว้ด้วยนะ อีกเรื่องอย่าพยายามเอ็นทรานซ์ตามเพื่อนให้มากนัก เพราะมันจะเป็นผลเสียกับตัวเองมาก ๆ เลยครับ

...จบมาแล้วมันก็ต้อง "ทำงาน" ครับ...แต่ "ทำอะไรล่ะ" ว้าว! เหมือนคำถามทั่วไป แต่มันยากสำหรับคนจบใหมหลาย ๆ คน แต่บางคนเรียนเก่งมาก ๆ อันนี้ขอชม เขาจะมาจองตัวไว้เลยครับ จบแล้วมีงานทำเลย อันนี้สบาย...หรือบางคนพ่อแม่มีกิจการรองรับอันนี้ยิ่งดีใหญ่...สบายไป ส่วนจะทำได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ การสมัครงานผมว่ามันเป้นเรื่องที่ละเอียดอ่อนนะครับ เพราะถือว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะคนได้เกรดดีไม่จพเป็นต้องได้งานเสมอไป เพราะอะไร? เพราะว่าส่วนมากเราจะเขียนใบสมัครงานทิ้งเอาไว้ ถ้าเขียนห่วยแต่ไม่มีศิลปะในการเขียน ไม่น่าสนใจ เขาก็มองข้ามไป...ถึงคุณจะมีความสามารถคุณก็ไม่ได้งานอยู่ดี อันนี้แย่หน่อย - -" เมื่อเขาเรียกมาสัมภาษณ์...นี่ก็อีกสาเหตุหนึ่ง ตอบแบบไม่พริ้ว...กลัวแต่ดอกพิกุลจะร่วง ตกสัมภาษณ์...ผมเห็นมาเยอะแล้วตกสัมภาษณ์เนี่ย เสียโอกาสมาก ๆ เลย...ส่วนสุดท้ายก็ถ้าได้เข้าทำงาน แต่ไม่รู้จะต้องทำตัวยังไง ปรับตัวไม่ได้ เกิดความเครียด...ไม่รู้จะปรึกษาใคร สุดท้าย...ลาออก อันนี้ก็เสียดายโอกาส เพราะถ้าจะมองกันจริง ๆ บางบริษัทคนอื่นอยากจะเข้าทำงานมากมาย แต่ได้เข้าไปแล้วลาออกก็น่าเสียดายแทนนะครับ ที่จะบอกคือ อยากให้มีความอดทนอดกลั้นมาก ๆ นะครับ เพราะทำงานกับเรียนมันต่างกันตรงนี้ครับ การเรียนถ้าสอบตกก็สอบแก้ หรือเรียนใหม่ แต่ทำงานถ้าพลาดแล้วบางทีมันเรียกคืนมาไม่ได้เลยก็มีนะครับ ถ้าจะพูดก็คือ งาน 100% ก็ควรจะทำให้ได้ 100% ครับ มันกดดันจริง ๆ เพราะถ้าทำไม่ได้อาจโดนพิจารณาให้ออกได้ครับ ทางแก้ก็คือ หากได้เข้าทำงานแล้วพยายามพัฒนาตัวเอง โดยอาจเข้ารับการอบรมเมื่อมีโอกาสครับ จะช่วยได้มาก...แต่สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับ "ไหวพริบส่วนตัว" อยู่ดีครับ

...ทั้งหมดที่พูดมาก็เพื่อสื่อให้เห็นว่าเราควรจะเรียนเพื่ออะไรนั่นเองครับ...เพราะถึงแม้จะทำงานแล้วเราก็ยังต้องศึกษาค้นคว้าอยู่ดีครับ เพื่อตัวเอง เพื่ออนาคต เพื่อเงิน และเพื่อหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างครับ

...ดังนั้น ถ้าคิดได้แล้วก็อ่านหนังสือ ศึกษาค้นคว้า ทำแบบฝึกหัด และหมั่นฝึกฝนให้มากที่สุดนะครับ เพื่ออนาคตครับ...  

...หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์ให้แก่ใครหลาย ๆ คนที่ยังคิดไม่ออกในเรื่องนี้นะครับ เริ่มตั้งแต่วันนี้ยังไม่สายครับ แต่อย่าหักโหมมากเกินไป พักผ่อนบ้างก็ดีนะครับ สุขภาพต้องมาก่อน...อิอิ

ด้วยความปรารถนาดี
จาก PSNR [Dark Side]
Hardware Moderator

หมายเหตุ : ไม่ได้สอนใครนะครับ อ่านแล้วคิดเอาเอง คนเรามันฝืนกันไม่ได้ สำหรับใครที่มีความคิดเห็นเพิ่มเติมก็ออกความคิดเห็นได้นะครับ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ...เพื่อจะทำให้น้อง ๆ มีกำลังใจอ่ะครับ ยิ่งจะสอบกันด้วย อิอิ 


  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

Popular Posts