ขับเคลื่อนโดย Blogger.
RSS

คุณและโทษของกาแฟ




เมื่อพูดถึงกาแฟ อาจไม่มีใครไม่รู้จัก เรามักเข้าใจว่า ดื่มกาแฟแล้วจะทำให้สมองสดใสขึ้น ไม่ง่วงนอน แต่ถ้าติดกาแฟและดื่มมากจะไม่ดี ความจริง กาแฟนอกจากมีสรรพคุณทำให้สมองสดใสขึ้นแล้ว ยังมีคุณประโยชน์อีกหลายอย่าง วันนี้ ดิฉันก็จะเล่าถึงคุณและโทษของกาแฟค่ะ

กาแฟมีคุณหลายอย่าง อาทิ

1. กาแฟมีคาเฟอิน ซึ่งสามารถกระตุ้นประสาทส่วนกลางและกล้ามเนื้อ ทำให้ผู้ดื่มรู้สึกสมองสดชื่น ตื่นเต้น และช่วยแก้ความอ่อนเพลียของกล้ามเนื้อ เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้สูงขึ้น

2. กาแฟเป็นผลดีต่อผิวพรรณ เพราะว่ากาแฟสามารถทำให้เลือดไหลเวียนได้คล่อง ช่วยให้อวัยวะย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ช่วยแก้ปัญหาท้องผูก และเวลาอาบน้ำ ผสมผงกาแฟลงไปด้วย จะมีบทบาทช่วยลดไขมัน

3. กาแฟช่วยแก้เมา เพราะคาเฟอินจะไปเสริมสมรรถนะของตับและไต หลังดื่มเหล้าแล้ว จะช่วยละลายแอลกอฮอร์ให้เป็นน้ำและไคบอนไดออกไซต์ ขับออกจากร่างกาย

4. ดื่มกาแฟวันละ 3 ถ้วย จะป้องกันนิ่วในถุงน้ำดีได้ เพราะว่าคาเฟอินสามารถกระตุ้นให้ถุงน้ำดีหดตัว ลดคอเลสเตอรอลในถุงน้ำดี ซึ่งเป็นสารที่จะทำให้เกิดนิ่วในถุงน้ำดี ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาเวิร์ด สหรัฐฯ ปรากฎว่า ผู้ชายที่ดื่มกาแฟ2-3 ถ้วยต่อวัน จะเป็นนิ่วในถุงน้ำดีต่ำกว่าผู้ไม่ดื่มกาแฟ 40%

5. กาแฟมีผลป้องกันหัวใจ ทำให้เจริญอาหาร ขจัดไขมัน ขจัดความชื้นออกจากร่างกาย

6. กาแฟสามารถขจัดกลิ่นปาก เมื่อรับประทานกระเทียมหรืออาหารที่มีกลิ่นแรง สามารถดื่มกาแฟสักถ้วยหนึ่งเพื่อช่วยขจัดกลิ่นปาก

7. กาแฟช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งตับ

8. เมื่อรับประทานอาหารประเภทเนื้อมากแล้ว ดื่มกาแฟจะทำให้กระเพาะอาหารมีน้ำย่อยออกมามากขึ้น ช่วยละลายไขมัน แต่สำหรับผู้ป่วยเป็นโรคกระเพาะอาหาร ไม่ดื่มกาแฟดีกว่า

9. กาแฟดำมีผลช่วยลดความอ้วนได้ หลังอาหารเที่ยงครึ่งชั่วโมงถึง 1 ชั่วโมง และก่อนเลิกงานดื่มกาแฟดำข้นที่ไม่ใส่น้ำตาล และเดินเล่นอีกสักพัก จะได้ช่วยเผาผลาญไขมัน จนลดความอ้วน

10. กาแฟดำสามารถช่วยแก้อาการความดันโลหิตต่ำ

แม้ว่ากาแฟมีคุณประโยชน์หลายประการ แต่ถ้าดื่มกาแฟมากเกินไป จะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูงขึ้น ปวดหัว นอนไม่หลับ มีอาการเหล่านี้เป็นเวลานานจะส่งผลกระทบต่อระบบประสาท จนทำให้เกิดผลแทรกซ้อน เช่นความจำเสื่อม ปฏิกิริยาช้าลง

ผู้เชี่ยวชาญสรุปว่า โทษของกาแฟมีดังนี้

1. ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้น ผลการวิจัยปรากฎว่า ดื่มกาแฟแก้วหนึ่งแล้ว ความดันโลหิตจะสูงขึ้นนานถึง 12 ชั่วโมง ดังนั้น กลุ่มคนที่เป็นความดันโลหิตสูง ไม่ควรดื่มกาแฟขณะรู้สึกเครียด หรือมีแรงกดดันมากจากการทำงาน

2. กาแฟจะส่งผลกระทบต่อการดูดซึมแร่ธาตุ คาเฟอินจะส่งผลกระทบต่อการดูดซึมแร่ธาตุของลำไส้ เช่นแคลเซียม เหล็กและสังกะสี ดังนั้น เด็กไม่ควรดื่มกาแฟ

3. กาแฟจะทำให้ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารเป็นแผลร้ายแรงขึ้น เนื่องจากกาแฟจะทำให้กระเพาะอาหารมีน้ำย่อยออกมามากขึ้น จนทำให้เป็นแผลมากขึ้น ดังนั้น ผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารที่เป็นแผลในกระเพาะไม่ควรดื่มกาแฟมาก โดยเฉพาะในช่วงท้องว่าง

4. กาแฟจะทำให้กระดูกพรุน เนื่องจากคาเฟอินมีคุณประโยชน์ทำให้ขับปัสสาวะมากขึ้น ถ้าดื่มกาแฟเป็นเวลานาน จะทำให้สูญเสีแคลเซียมยไปกับปัสสาวะมาก จนกระดูกพรุน โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงหลังวัยทอง ไม่ควรดื่มกาแฟมากเกินควร

5. หญิงตั้งครรภ์ถ้าดื่มกาแฟมาก จะทำให้ทารกที่อยู่ในครรภ์เติบโตไม่เป็นปกติ หรืออาจแท้งได้

6. กาแฟจะทำลายวิตามิน B1 ซึ่งเป็นวิตามินที่รักษาความสมดุลและความมั่นคงของระบบประสาท ดังนั้น ผู้ที่ขาดวิตามิน B1 ไม่ควรดื่มกาแฟ

 
http://thai.cri.cn/461/2009/12/30/224s166762.htm

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

10 สุดยอดอาหารที่ควรทานทุกวัน



อาหารเพื่อสุขภาพ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

ไม่ว่าใคร ๆ ก็ล้วนแล้วอยากจะมีสุขภาพที่ดีไม่ต่างกัน ดังนั้น การดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จึงเป็นวิธีง่าย ๆ ที่หลาย ๆ คนเลือกใช้ และที่สำคัญ มันให้ผลลัพธ์ที่ดีซะด้วยสิ โดยเฉพาะเรื่องการรับประทานอาหารที่ทำให้สุขภาพดีจากภายใน ยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องทำให้ได้ทุกวันเลยล่ะ

อ๊ะ ๆ แต่รู้มั้ยคะว่า นอกจากการรับประทานอาหารครบ 5 หมู่แล้ว หากคุณได้รับประทาน "สุดยอดอาหาร" ในทุก ๆ วันแล้ว ยิ่งทำให้คุณมีสุขภาพดีมากขึ้นไปอีก เอ? ว่าแต่สุดยอดอาหารที่ว่านี้ คืออะไร อิอิ.. ตามไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

เบอร์รี่


1. เบอร์รี่

แม้ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่จะเคยเป็นผลไม้ที่หาทานได้ยากในบ้านเรา แต่ในสมัยนี้เห็นจะไม่ใช่อย่างนั้นแล้วล่ะค่ะ เพราะเดี๋ยวนี้เค้ามีขายกันเกลื่อนตามห้างสรรพสินค้า และท้องตลาดบางแห่งด้วยแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมคะว่า ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้น ช่วยในเรื่องของระบบย่อยอาหารได้มากเลยทีเดียว แถมยังมีแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ช่วยให้ผิวอ่อนเยาว์ และที่สำคัญ ยังมีวิตามิน C ที่ช่วยในเรื่องผิวพรรณและหวัดอีกด้วย

ไข่ไก่

2. ไข่ไก่

ไข่ไก่เป็นสุดยอดอาหารที่หาง่ายมาก ๆ แถมยังราคาถูกอีกแน่ะ คุณ ๆ รู้ไหมว่า ไข่ไก่นั้นเป็นแหล่งของโปรตีนคุณภาพสูง ที่ทำให้คุณได้พลังงานแต่ไม่อ้วน แถมมีประโยชน์ในการบำรุงสายตา อ้อ แถมยังมีลูทีนที่จะป้องกันผิวคุณจากการทำลายของแสงแดดอีกด้วย

ถั่ว

3. ถั่ว

ถั่วเป็นแหล่งของเหล็ก ซึ่งเป็นสารอาหารที่ช่วยในการส่งผ่านออกซิเจนจากปอดไปยังเซลล์ต่าง ๆ ของร่างกาย โดยในถั่ว 1 ถ้วย จะให้ธาตุเหล็กประมาณ 16 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่สูงเลยทีเดียว นอกจากนี้ ถั่วยังมีไฟเบอร์ช่วยให้ร่างกายขับถ่ายได้ง่ายอีกด้วย

มะม่วงหิมพานต์

4. อัลมอนต์ แม็คคาเดเมีย และมะม่วงหิมพานต์

เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพหัวใจ จากการศึกษาของนักโภชนาการ พบว่า ผู้ที่รับประทานเมล็ดพืชเหล่านี้จะมีอายุยืนกว่าผู้ที่ไม่ได้ทานถึง 2 ปีครึ่งเลยทีเดียว นอกจากนี้ ยังมีโอเมก้า 3 เอแอลเอ ที่จะส่งผลให้อารมณ์ดีขึ้น ที่สำคัญยังช่วยลดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีด้วย

ส้ม


5. ส้ม

เป็นแหล่งวิตามิน C คุณภาพ ที่มีประโยชน์ต่อการสร้างเซลล์เม็ดเลือดขาว และช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค รวมทั้งยังมีไฟเบอร์สูง เป็นแหล่งของแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ ที่จะช่วยปกป้องเซลล์ผิวจากการถูกทำลาย และเสริมสร้างคอลลาเจนในผิว เรียกว่าคุณประโยชน์ครบครันเลยทีเดียว

มันเทศ

6. มันเทศ

อาหารที่หาได้ง่าย แถมยังให้ประโยชน์มากมายกับสุขภาพอีก มันเทศเป็นแหล่งเบตาแคโรทีนชั้นดีที่ช่วยในการบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน และที่หลาย ๆ คนคิดไม่ถึง คือ มันเทศมีสารต้านมะเร็งสูงอีกด้วยค่ะ

บร็อกโคลี

7. บร็อคโคลี่

เป็นแหล่งของวิตามินซี เอ และเค เป็นผักที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยบำรุงสายตา และมีสารไอโซธิโอไซยาเนทส์ (Isothiocyanates) ที่ช่วยต่อต้านมะเร็งปอด รวมถึงมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ นอกจากนี้ วิตามินเคยังเป็นสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกด้วย

ชา

8. ชา

แม้ว่าชาจะเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่ไม่ได้ให้ผลดีต่อสุขภาพเท่าไหร่ แต่รู้ไหมว่า การดื่มชาในปริมาณที่พอเหมาะ จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นอัลไซเมอร์ มะเร็ง และทำให้สุขภาพฟันและกระดูกแข็งแรงขึ้น เพราะในชานั้นมีสารแอนตี้อ๊อกซิแดนท์ที่เรียกว่า ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีต่อสุขภาพ

คะน้า

9. คะน้า

มีสารเบต้าแคโรทีนสูง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งลำไส้ มะเร็งปอด รวมถึงมีวิตามินที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ สร้างภูมิต้านทานโรคที่ดี นอกจากนี้ยังมีแคลเซียมเสริมสร้างการทำงานของกระดูก

โยเกิร์ต

10. โยเกิร์ต

อาหารสุขภาพที่หลาย ๆ คนมักจะซื้อไว้ติดบ้าน เอาไว้ทานยามหิว และนั่นเป็นสิ่งที่ดีแล้วค่ะ เพราะในโยเกิร์ตนั้นมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส สังกะสี วิตามินบี 12 และโปรตีน ดังนั้น ถ้าคุณทานโยเกิร์ตให้ได้วันละ 1 ถ้วย จะทำให้สุขภาพคุณดีอย่าบอกใครเลยล่ะ
http://health.kapook.com/view16463.html

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

พรบ. คอมพิวเตอร์ 2550 ทุกคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ต้องรู้


                             พรบ. คอมพิวเตอร์ 2550 ทุกคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ต้องรู้

        พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมาย ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ดังต่อไปนี้
     มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า “พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. ๒๕๕๐”
     มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดสามสิบวันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
     มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัตินี้ “ระบบคอมพิวเตอร์” หมายความว่า อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ของคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมการทำงานเข้าด้วยกัน โดยได้มีการกำหนดคำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใด และแนวทางปฏิบัติงานให้อุปกรณ์หรือชุดอุปกรณ์ทำหน้าที่ประมวลผลข้อมูลโดยอัตโนมัติ
“ข้อมูลคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูล ข้อความ คำสั่ง ชุดคำสั่ง หรือสิ่งอื่นใดบรรดาที่อยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ และให้หมายความรวมถึงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ด้วย
“ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์” หมายความว่า ข้อมูลเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งแสดงถึงแหล่งกำเนิด ต้นทาง ปลายทาง เส้นทาง เวลา วันที่ ปริมาณ ระยะเวลาชนิดของบริการ หรืออื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการติดต่อสื่อสารของระบบคอมพิวเตอร์นั้น
“ผู้ให้บริการ” หมายความว่า
(๑) ผู้ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการในนามของตนเอง หรือในนามหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
(๒) ผู้ให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น
“ผู้ใช้บริการ” หมายความว่า ผู้ใช้บริการของผู้ให้บริการไม่ว่าต้องเสียค่าใช้บริการหรือไม่ก็ตาม
“พนักงานเจ้าหน้าที่” หมายความว่า ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“รัฐมนตรี” หมายความว่า รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
     มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวง เพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
หมวด ๑
ความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
     มาตรา ๕ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งระบบคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้น มิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     มาตรา ๖ ผู้ใดล่วงรู้มาตรการป้องกันการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ผู้อื่นจัดทำขึ้นเป็นการเฉพาะถ้านำมาตรการดังกล่าวไปเปิดเผยโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     มาตรา ๗ ผู้ใดเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปีหรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
     มาตรา ๘ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อดักรับไว้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่อยู่ระหว่างการส่งในระบบคอมพิวเตอร์ และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นมิได้มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะหรือเพื่อให้บุคคลทั่วไปใช้ประโยชน์ได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     มาตรา ๙ ผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     มาตรา ๑๐ ผู้ใดกระทำด้วยประการใดโดยมิชอบ เพื่อให้การทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นถูกระงับ ชะลอ ขัดขวาง หรือรบกวนจนไม่สามารถทำงานตามปกติได้ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     มาตรา ๑๑ ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่นโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มาของการส่งข้อมูลดังกล่าว อันเป็นการรบกวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท
     มาตรา ๑๒ ถ้าการกระทำความผิดตามมาตรา ๙ หรือมาตรา ๑๐
(๑) ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ไม่ว่าความเสียหายนั้นจะเกิดขึ้นในทันทีหรือในภายหลัง และไม่ว่าจะเกิดขึ้นพร้อมกันหรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท
(๒) เป็นการกระทำโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือการบริการสาธารณะ หรือเป็นการกระทำต่อข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือระบบคอมพิวเตอร์ที่มีไว้เพื่อประโยชน์สาธารณะ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี และปรับตั้งแต่หกหมื่นบาทถึงสามแสนบาท
ถ้าการกระทำความผิดตาม (๒) เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี
     มาตรา ๑๓ ผู้ใดจำหน่ายหรือเผยแพร่ชุดคำสั่งที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะเพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา ๕ มาตรา ๖ มาตรา ๗ มาตรา ๘ มาตรา ๙ มาตรา ๑๐ หรือมาตรา ๑๑ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     มาตรา ๑๔ ผู้ใดกระทำความผิดที่ระบุไว้ดังต่อไปนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
(๑) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน
(๒) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
(๓) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรหรือความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา
(๔) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้
(๕) เผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ตาม (๑)(๒) (๓) หรือ (๔)
     มาตรา ๑๕ ผู้ให้บริการผู้ใดจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีการกระทำความผิดตามมาตรา ๑๔ ในระบบคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในความควบคุมของตน ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับผู้กระทำความผิดตามมาตรา ๑๔
     มาตรา ๑๖ ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด ทั้งนี้ โดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือ
ปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าการกระทำตามวรรคหนึ่ง เป็นการนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยสุจริต ผู้กระทำไม่มีความผิด ความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นความผิดอันยอมความได้ ถ้าผู้เสียหายในความผิดตามวรรคหนึ่งตายเสียก่อนร้องทุกข์ ให้บิดา มารดา คู่สมรส หรือ บุตรของผู้เสียหายร้องทุกข์ได้ และให้ถือว่าเป็นผู้เสียหาย
      มาตรา ๑๗ ผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรและ
(๑) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนไทย และรัฐบาลแห่งประเทศที่ความผิดได้เกิดขึ้นหรือผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ หรือ
(๒) ผู้กระทำความผิดนั้นเป็นคนต่างด้าว และรัฐบาลไทยหรือคนไทยเป็นผู้เสียหายและผู้เสียหายได้ร้องขอให้ลงโทษ
จะต้องรับโทษภายในราชอาณาจักร
หมวด ๒
พนักงานเจ้าหน้าที่
     มาตรา ๑๘ ภายใต้บังคับมาตรา ๑๙ เพื่อประโยชน์ในการสืบสวนและสอบสวนในกรณีที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอย่างหนึ่งอย่างใด ดังต่อไปนี้ เฉพาะที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิดและหาตัวผู้กระทำความผิด
(๑) มีหนังสือสอบถามหรือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้มาเพื่อให้ถ้อยคำ ส่งคำชี้แจงเป็นหนังสือ หรือส่งเอกสาร ข้อมูล หรือหลักฐานอื่นใดที่อยู่ในรูปแบบที่สามารถเข้าใจได้
(๒) เรียกข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์จากผู้ให้บริการเกี่ยวกับการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์หรือจากบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง
(๓) สั่งให้ผู้ให้บริการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ใช้บริการที่ต้องเก็บตามมาตรา ๒๖ หรือที่อยู่ในความครอบครองหรือควบคุมของผู้ให้บริการให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๔) ทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ จากระบบคอมพิวเตอร์ที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในกรณีที่ระบบคอมพิวเตอร์นั้นยังมิได้อยู่ในความครอบครองของพนักงานเจ้าหน้าที่
(๕) สั่งให้บุคคลซึ่งครอบครองหรือควบคุมข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ ส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์ดังกล่าวให้แก่พนักงานเจ้าหน้าที่
(๖) ตรวจสอบหรือเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด อันเป็นหลักฐานหรืออาจใช้เป็นหลักฐานเกี่ยวกับการกระทำความผิด หรือเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดและสั่งให้บุคคลนั้นส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ ที่เกี่ยวข้องเท่าที่จำเป็นให้ด้วยก็ได้
(๗) ถอดรหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ของบุคคลใด หรือสั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสลับของข้อมูลคอมพิวเตอร์ ทำการถอดรหัสลับ หรือให้ความร่วมมือกับพนักงานเจ้าหน้าที่ในการถอดรหัสลับดังกล่าว
(๘) ยึดหรืออายัดระบบคอมพิวเตอร์เท่าที่จำเป็นเฉพาะเพื่อประโยชน์ในการทราบรายละเอียดแห่งความผิดและผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้
     มาตรา ๑๙ การใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อมีคำสั่งอนุญาตให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการตามคำร้อง ทั้งนี้ คำร้องต้องระบุเหตุอันควรเชื่อได้ว่าบุคคลใดกระทำหรือกำลังจะกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดอันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ เหตุที่ต้องใช้อำนาจ ลักษณะของการกระทำความผิด รายละเอียดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำความผิดและผู้กระทำความผิด เท่าที่สามารถจะระบุได้ ประกอบคำร้องด้วยในการพิจารณาคำร้องให้ศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าวโดยเร็วเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตแล้ว ก่อนดำเนินการตามคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งสำเนาบันทึกเหตุอันควรเชื่อที่ทำให้ต้องใช้อำนาจตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ (๘) มอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐาน แต่ถ้าไม่มีเจ้าของหรือผู้ครอบครองเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่ ณ ที่นั้น ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ส่งมอบสำเนาบันทึกนั้นให้แก่เจ้าของหรือ
ผู้ครอบครองดังกล่าวในทันทีที่กระทำได้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้เป็นหัวหน้าในการดำเนินการตามมาตรา ๑๘ (๔) (๕) (๖) (๗) และ
(๘) ส่งสำเนาบันทึกรายละเอียดการดำเนินการและเหตุผลแห่งการดำเนินการให้ศาลที่มีเขตอำนาจภายในสี่สิบแปดชั่วโมงนับแต่เวลาลงมือดำเนินกา เพื่อเป็นหลักฐานการทำสำเนาข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามมาตรา ๑๘ (๔) ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ และต้องไม่เป็นอุปสรรคในการดำเนินกิจการของเจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นเกินความจำเป็น การยึดหรืออายัดตามมาตรา ๑๘ (๘) นอกจากจะต้องส่งมอบสำเนาหนังสือแสดงการยึดหรืออายัดมอบให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองระบบคอมพิวเตอร์นั้นไว้เป็นหลักฐานแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งยึดหรืออายัดไว้เกินสามสิบวันมิได้ ในกรณีจำเป็นที่ต้องยึดหรืออายัดไว้นานกว่านั้น ให้ยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอขยายเวลายึดหรืออายัดได้ แต่ศาลจะอนุญาตให้ขยายเวลาครั้งเดียวหรือหลายครั้งรวมกันได้อีกไม่เกินหกสิบวัน เมื่อหมดความจำเป็นที่จะยึดหรืออายัดหรือครบกำหนดเวลาดังกล่าวแล้ว พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องส่งคืนระบบคอมพิวเตอร์ที่ยึดหรือถอนการอายัดโดยพลัน หนังสือแสดงการยึดหรืออายัดตามวรรคห้าให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
     มาตรา ๒๐ ในกรณีที่การกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้เป็นการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่อาจกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามที่กำหนดไว้ในภาคสองลักษณะ ๑ หรือลักษณะ ๑/๑ แห่งประมวลกฎหมายอาญา หรือที่มีลักษณะขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน พนักงานเจ้าหน้าที่โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีอาจยื่นคำร้อง พร้อมแสดงพยานหลักฐานต่อศาลที่มีเขตอำนาจขอให้มีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ ในกรณีที่ศาลมีคำสั่งให้ระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ตามวรรคหนึ่ง ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทำการระงับการทำให้แพร่หลายนั้นเอง หรือสั่งให้ผู้ให้บริการระงับการทำให้แพร่หลายซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นก็ได้
      มาตรา ๒๑ ในกรณีที่พนักงานเจ้าหน้าที่พบว่า ข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดมีชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์รวมอยู่ด้วย พนักงานเจ้าหน้าที่อาจยื่นคำร้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อขอให้มีคำสั่งห้ามจำหน่ายหรือเผยแพร่ หรือสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นระงับการใช้ ทำลายหรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นได้ หรือจะกำหนดเงื่อนไขในการใช้ มีไว้ในครอบครอง หรือเผยแพร่ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ดังกล่าวก็ได้ชุดคำสั่งไม่พึงประสงค์ตามวรรคหนึ่งหมายถึงชุดคำสั่งที่มีผลทำให้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือระบบคอมพิวเตอร์หรือชุดคำสั่งอื่นเกิดความเสียหาย ถูกทำลาย ถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมขัดข้อง หรือปฏิบัติงานไม่ตรงตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือโดยประการอื่นตามที่กำหนดในกฎกระทรวงทั้งนี้ เว้นแต่เป็นชุดคำสั่งที่มุ่งหมายในการป้องกันหรือแก้ไขชุดคำสั่งดังกล่าวข้างต้น ตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
      มาตรา ๒๒ ห้ามมิให้พนักงานเจ้าหน้าที่เปิดเผยหรือส่งมอบข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ให้แก่บุคคลใดความในวรรคหนึ่งมิให้ใช้บังคับกับการกระทำเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ หรือเพื่อประโยชน์ในการดำเนินคดีกับพนักงานเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่
โดยมิชอบ หรือเป็นการกระทำตามคำสั่งหรือที่ได้รับอนุญาตจากศาลพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดฝ่าฝืนวรรคหนึ่งต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     มาตรา ๒๓ พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้ใดกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     มาตรา ๒๔ ผู้ใดล่วงรู้ข้อมูลคอมพิวเตอร์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์หรือข้อมูลของผู้ใช้บริการ ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามมาตรา ๑๘ และเปิดเผยข้อมูลนั้นต่อผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
     มาตรา ๒๕ ข้อมูล ข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ที่พนักงานเจ้าหน้าที่ได้มาตามพระราชบัญญัตินี้ ให้อ้างและรับฟังเป็นพยานหลักฐานตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาหรือกฎหมายอื่นอันว่าด้วยการสืบพยานได้ แต่ต้องเป็นชนิดที่มิได้เกิดขึ้นจากการจูงใจมีคำมั่นสัญญา ขู่เข็ญ หลอกลวง หรือโดยมิชอบประการอื่น
     มาตรา ๒๖ ผู้ให้บริการต้องเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้ไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับแต่วันที่ข้อมูลนั้นเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ แต่ในกรณีจำเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่จะสั่งให้ผู้ให้บริการผู้ใดเก็บรักษาข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ไว้เกินเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งปีเป็นกรณีพิเศษเฉพาะรายและเฉพาะคราวก็ได้ ผู้ให้บริการจะต้องเก็บรักษาข้อมูลของผู้ใช้บริการเท่าที่จำเป็นเพื่อให้สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการ นับตั้งแต่เริ่มใช้บริการและต้องเก็บรักษาไว้เป็นเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวันนับตั้งแต่การใช้บริการสิ้นสุดลง ความในวรรคหนึ่งจะใช้กับผู้ให้บริการประเภทใด อย่างไร และเมื่อใด ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้ให้บริการผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมาตรานี้ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าแสนบาท
     มาตรา ๒๗ ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่สั่งตามมาตรา ๑๘ หรือมาตรา ๒๐ หรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของศาลตามมาตรา ๒๑ ต้องระวางโทษปรับไม่เกินสองแสนบาทและปรับเป็นรายวันอีกไม่เกินวันละห้าพันบาทจนกว่าจะปฏิบัติให้ถูกต้อง
     มาตรา ๒๘ การแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้รัฐมนตรีแต่งตั้งจากผู้มีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์ และมีคุณสมบัติตามที่รัฐมนตรีกำหนด
     มาตรา ๒๙ ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามีอำนาจรับคำร้องทุกข์หรือรับคำกล่าวโทษ และมีอำนาจในการสืบสวนสอบสวนเฉพาะความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ ในการจับ ควบคุม ค้น การทำสำนวนสอบสวนและดำเนินคดีผู้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้ บรรดาที่เป็นอำนาจของพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ หรือพนักงานสอบสวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ประสานงานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบเพื่อดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป ให้นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐมนตรีมีอำนาจ ร่วมกันกำหนดระเบียบเกี่ยวกับแนวทางและวิธีปฏิบัติในการดำเนินการตามวรรคสอง
     มาตรา ๓๐ ในการปฏิบัติหน้าที่ พนักงานเจ้าหน้าที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวต่อบุคคลซึ่งเกี่ยวข้อง บัตรประจำตัวของพนักงานเจ้าหน้าที่ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้ คือ เนื่องจากในปัจจุบันระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นส่วนสำคัญ ของการประกอบกิจการ และการดำรงชีวิตของมนุษย์ หากมีผู้กระทำด้วยประการใด ๆ ให้ระบบคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำงานตามคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือทำให้การทำงานผิดพลาดไปจากคำสั่งที่กำหนดไว้ หรือใช้วิธีการใด ๆ เข้าล่วงรู้ข้อมูล แก้ไข หรือทำลายข้อมูลของบุคคลอื่น ในระบบคอมพิวเตอร์โดยมิชอบ หรือใช้ระบบคอมพิวเตอร์ เพื่อเผยแพร่ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ หรือมีลักษณะอันลามกอนาจาร ย่อมก่อให้เกิดความเสียหาย กระทบกระเทือนต่อเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของรัฐ รวมทั้งความสงบสุขและศีลธรรมอันดีของประชาชน สมควรกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำดังกล่าว จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ที่มา http://www.cowboythai.com/forum/index.php?topic=1443.msg9206;topicseen

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

ทำไมเราต้องเรียนหนังสือ?????

                                               
                                                           ทำไมเราต้องเรียนหนังสือ


...ผมเคยสงสัยและถามตัวเองมาโดยตลอดตอนที่เป็นเด็กว่า "ทำไมเราต้องเรียนหนังสือด้วยน้า?" ซึ่งก็ไม่ได้คำตอบที่ทำให้หายสงสัยสักที จนโตขึ้นมาเลยรู้ว่าทำไมต้องเรียน...

...กลายเป็นว่าได้คำตอบไปเองโดยปริยาย  

...แต่ว่ากว่ารู้คำตอบบางทีมันก็ย้อนเวลากลับไปตั้งใจเรียนไม่ได้แล้วอ่ะ  ก็เลยอยากจะบอกน้อง ๆ ว่าขอให้ตั้งใจเรียนกันต่อไปนะครับ สำหรับใครที่คิดว่าตัวเองไม่เก่ง...ขอให้เลิกคิดไปเลยนะครับ เพราะไม่มีใครโง่และไม่มีใครฉลาดค้ำฟ้าหรอกนะครับ คนเรามันพัฒนากันได้...ส่วนคนที่คิดว่าไม่รู้จะเรียนไปทำไม แล้วโดดเรียนอยู่บ่อย ๆ ก็พยายามเอาตัวรอดให้จบก็ยังดีนะครับ เพราะที่เห็นแถว ๆ บ้านผมเรียนก็ไม่จบ แถมยังริเป็นโจรเป็นขโมยอีกต่างหาก เห็นเข้าซังเตไปหลายคนแล้ว ก็ฟังไว้เป็นอุธาหรณ์นะครับ

...ส่วนเรื่องเกรด อย่าไปหวังอะไรมากครับ ถ้าเรียนดีอยู่แล้วก็จงเรียนให้ดีต่อไป แต่คนที่ได้เกรดน้อย ๆ ก็พยายามทำให้เต็มที่ครับ ผมไม่ได้บอกให้เกรดมันเพิ่มขึ้นนะครับ ผมบอกว่าทำให้เต็มที่ถึงมันจะได้ไม่มากก็จงภูมิใจในเกรดตัวเองนะครับ...

...สำหรับครู-อาจารย์บางท่าน ถ้าได้อ่านข้อความนี้ขอบอกไว้ด้วยเลยนะครับ ว่าอย่าเคร่งครัดหรือหย่อนยานมากจนเกินไป เดินทางสายกลางบ้าง เพราะอนาคตลูกศิษย์อยู่ในกำมือท่านนะครับ เด็กท้อแท้กับอาจารย์มาหลายคนแล้วครับ อ้อ...อีกอย่างหนึ่ง ครูก็เป็นอาชีพมีศักดิ์ศรีนะครับ อย่าทำให้ศักดิ์ศรีที่ดีงามด่างพล้อย...ถึงแม้เศรษฐกิจจะตกต่ำแค่ไหน อย่างน้อยก็สอนพิเศษให้น้อยลงหน่อย แบ่งความรู้ให้นักเรียนเท่า ๆ กัน อย่ากั๊กไว้สอนพิเศษมากนักนะครับ...ตลอดชีวิตผมไม่เคยเรียนพิเศษเลยครับ เพราะผมคิดมาตลอดว่าคนเราเก่งได้ ถ้าขยันครับ และไม่คิดว่าการเรียนพิเศษ เป็นสิ่งที่เด็กขยันทุกคนเขาทำกัน ลองนึกดูนะครับพ่อแม่ของเราก็ไม่ได้เรียนพิเศษนะครับ ก็ยังเก่งได้เลย...มันขึ้นอยู่กับตัวเด็กและสามัญสำนึกของคนสอนครับ ว่า... "ทำเพื่ออนาคตของชาติ" หรือ "ทำเพื่อเงิน" ผมพูดอย่างนี้เพราะผมมีประสบการณ์ตรงครับ คนไหนดีก็ว่าดี คนไหนไม่ดีก็ว่าไม่ดี...เพราะผมเป็นคนตรง จริงจัง และไม่ชอบเลียใคร!

...มาต่อกันอีกหน่อย การประสบความสำเร็จได้นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการเรียนเพียงอย่างเดียวนะครับ ดังนั้น ถ้าใครยังสับสนว่า...ที่เราเรียนอยู่ทุกวันนี้เพื่ออะไร? ขอบอกไว้เลยนะครับ ว่า "เรียนเพื่อรู้" ครับ...ยิ่งรู้มากยิ่งได้เปรียบครับ และที่สำคัญ "ไม่มีใครแก่เกินเรียน" ครับ ถ้าขยัน หมั่นหาตำรามาค้นคว้า หมั่นทำแบบฝึกหัด แล้วสักวันคุณอาจเป็นคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิต 

...การเอ็นทรานซ์ไม่ได้เป็นความสำเร็จในชีวิตสูงสุด แต่เป็น "จุดเริ่มต้น" เท่านั้นเอง...เพราะหลายคนก็ถูก "รีไทร์" เพราะไปไม่รอด แต่ก็อย่าหมดหวังนะครับ ถ้าพลาดก็ต้องสู้ใหม่...เราต้องรู้ตัวเราเองว่า...ชอบอะไร...ถนัดสายไหน ถ้าเราเข้าใจตัวเองแล้วเราจะประสบความสำเร็จในการเรียน ที่พูดให้ฟังไม่ใช่อะไร เพราะเด็กปีหนึ่งเรียนไปได้สักพักก็ขอย้ายคณะกันให้วุ่น...เห็นประจำเลย ที่เป็นเช่นนี้เพราะไม่รู้ตัวเอง หรือก่อนสอบเข้ามาไม่ได้รู้เลยว่า...สอบเข้ามาทำไม? อันนี้ฝากไว้ด้วยนะ อีกเรื่องอย่าพยายามเอ็นทรานซ์ตามเพื่อนให้มากนัก เพราะมันจะเป็นผลเสียกับตัวเองมาก ๆ เลยครับ

...จบมาแล้วมันก็ต้อง "ทำงาน" ครับ...แต่ "ทำอะไรล่ะ" ว้าว! เหมือนคำถามทั่วไป แต่มันยากสำหรับคนจบใหมหลาย ๆ คน แต่บางคนเรียนเก่งมาก ๆ อันนี้ขอชม เขาจะมาจองตัวไว้เลยครับ จบแล้วมีงานทำเลย อันนี้สบาย...หรือบางคนพ่อแม่มีกิจการรองรับอันนี้ยิ่งดีใหญ่...สบายไป ส่วนจะทำได้หรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งนะ การสมัครงานผมว่ามันเป้นเรื่องที่ละเอียดอ่อนนะครับ เพราะถือว่าเป็นศิลปะอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะคนได้เกรดดีไม่จพเป็นต้องได้งานเสมอไป เพราะอะไร? เพราะว่าส่วนมากเราจะเขียนใบสมัครงานทิ้งเอาไว้ ถ้าเขียนห่วยแต่ไม่มีศิลปะในการเขียน ไม่น่าสนใจ เขาก็มองข้ามไป...ถึงคุณจะมีความสามารถคุณก็ไม่ได้งานอยู่ดี อันนี้แย่หน่อย - -" เมื่อเขาเรียกมาสัมภาษณ์...นี่ก็อีกสาเหตุหนึ่ง ตอบแบบไม่พริ้ว...กลัวแต่ดอกพิกุลจะร่วง ตกสัมภาษณ์...ผมเห็นมาเยอะแล้วตกสัมภาษณ์เนี่ย เสียโอกาสมาก ๆ เลย...ส่วนสุดท้ายก็ถ้าได้เข้าทำงาน แต่ไม่รู้จะต้องทำตัวยังไง ปรับตัวไม่ได้ เกิดความเครียด...ไม่รู้จะปรึกษาใคร สุดท้าย...ลาออก อันนี้ก็เสียดายโอกาส เพราะถ้าจะมองกันจริง ๆ บางบริษัทคนอื่นอยากจะเข้าทำงานมากมาย แต่ได้เข้าไปแล้วลาออกก็น่าเสียดายแทนนะครับ ที่จะบอกคือ อยากให้มีความอดทนอดกลั้นมาก ๆ นะครับ เพราะทำงานกับเรียนมันต่างกันตรงนี้ครับ การเรียนถ้าสอบตกก็สอบแก้ หรือเรียนใหม่ แต่ทำงานถ้าพลาดแล้วบางทีมันเรียกคืนมาไม่ได้เลยก็มีนะครับ ถ้าจะพูดก็คือ งาน 100% ก็ควรจะทำให้ได้ 100% ครับ มันกดดันจริง ๆ เพราะถ้าทำไม่ได้อาจโดนพิจารณาให้ออกได้ครับ ทางแก้ก็คือ หากได้เข้าทำงานแล้วพยายามพัฒนาตัวเอง โดยอาจเข้ารับการอบรมเมื่อมีโอกาสครับ จะช่วยได้มาก...แต่สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยู่กับ "ไหวพริบส่วนตัว" อยู่ดีครับ

...ทั้งหมดที่พูดมาก็เพื่อสื่อให้เห็นว่าเราควรจะเรียนเพื่ออะไรนั่นเองครับ...เพราะถึงแม้จะทำงานแล้วเราก็ยังต้องศึกษาค้นคว้าอยู่ดีครับ เพื่อตัวเอง เพื่ออนาคต เพื่อเงิน และเพื่อหลาย ๆ สิ่งหลาย ๆ อย่างครับ

...ดังนั้น ถ้าคิดได้แล้วก็อ่านหนังสือ ศึกษาค้นคว้า ทำแบบฝึกหัด และหมั่นฝึกฝนให้มากที่สุดนะครับ เพื่ออนาคตครับ...  

...หวังว่าคงพอเป็นประโยชน์ให้แก่ใครหลาย ๆ คนที่ยังคิดไม่ออกในเรื่องนี้นะครับ เริ่มตั้งแต่วันนี้ยังไม่สายครับ แต่อย่าหักโหมมากเกินไป พักผ่อนบ้างก็ดีนะครับ สุขภาพต้องมาก่อน...อิอิ

ด้วยความปรารถนาดี
จาก PSNR [Dark Side]
Hardware Moderator

หมายเหตุ : ไม่ได้สอนใครนะครับ อ่านแล้วคิดเอาเอง คนเรามันฝืนกันไม่ได้ สำหรับใครที่มีความคิดเห็นเพิ่มเติมก็ออกความคิดเห็นได้นะครับ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ...เพื่อจะทำให้น้อง ๆ มีกำลังใจอ่ะครับ ยิ่งจะสอบกันด้วย อิอิ 


  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

แบบฝึกหัดบทที่ 4 เทคโนโลยีสารสนเทศ


แบบฝึกหัดบทที่ 4

รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน      กลุ่มที่เรียน  1

นางสาวสุพัตรา   สาระวัน    56010914605   คณะการบัญชีและการจัดการ  สาขาการบริหารการเงิน

 

1.ให้นิสิตยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามหัวข้อต่อไปนี้  อย่างน้อยหัวข้อละ 3 ชนิด แล้วแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบกับเพื่อน


1) การบันทึกข้อมูลและจัดเก็บข้อมูล
1.ดาวเทียมถ่ายภาพทางอากาศ
2.เทปแม่เหล็ก จานเเม่เหล็ก
3.บัตรเอทีเอ็ม ATM
2)การแสดงผล
1.เครื่องพิมพ์
2.จอภาพ
3.พลอตเตอร์
3)การประมวลผล
1.เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

2.ฮาร์ดแวร์

3.ซอฟต์เเวร์
4)การสื่อสารและเครือข่าย
1.วิทยุ
2.โทรทัศน์
3.โทรเลข


ให้นิสิตนำตัวเลขในช่องขวา มาเติมหน้าข้อความในช่องซ้ายที่มีความสัมพันธ์กัน
  3   ซอฟต์แวร์ประยุกต์  3.เทคโนโลยีต่างๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความถูกต้องแม่นยำ และความรวดเร็วต่อการนำไปใช้
  6   Information Technolog  6.เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
  1   คอมพิวเตอร์ในยุคประมวลผลข้อมูล  1.ส่วนใหญ่ใช้ทำหน้าที่คำนวณ ประมวลผล
  4   เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย  4.มีองค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วนได้เเก่ Sender Medium และDecoder
 10  ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน  10.ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ
  7   ซอฟต์แวร์ระบบ  7.โปรแกรมที่ทำหน้าที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์
  9   การนำเสนอบทเรียนในรูปมัลติมีเดียที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ตามระดับความสามารถ  9.CAI
  8   EDI  8.โปรแกรมระบบห้องสมุดอัตโนมัติ จัดเป็นซอฟต์เเวร์ประเภท
  5   การสื่อโทรคมนาคม  5.การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการรับ-ส่งเอกสารจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งโดยส่งผ่านเครือข่าย
  2   บริการชำระภาษีออนไลน์  2.e-Revenue

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

แบบฝึกหัดบทที่ 3 การรู้สารสนเทศ


แบบฝึกหัดบทที่ 3

รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน      กลุ่มที่เรียน  1

           นางสาวสุพัตรา   สาระวัน    56010914605   คณะการบัญชีและการจัดการ  สาขาการบริหารการเงิน          

 

1.ข้อใดเป็นความหมายที่ถูกต้องที่สุดของการรู้สารสนเทศ

ง. ความสามารถของบุคคลในการเข้าถึง ประเมิน และการใช้งานสารสนเทศ           

 

2.จากกระบวนการของการรู้สารสนเทศ ทั้ง 5 ประการ ประการไหนที่สำคัญที่สุด

ง.ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ           

 

3.ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของผู้รู้สารสนเทศ

ค.ชอบใช้คอมพิวเตอร์ในการเล่นเกม            

 

4.ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของการรู้สารสนเทศ                

ค.สารสนเทศมีการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว จนยากที่จะ    เข้าถึง

 

5.ข้อใดเป็นการเรียงลำดับขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้สารสนเทศที่ถูกต้อง

ก.1-2-3-4-5

 

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

แบบฝึกหัดบทที่ 2 บทบาทสารสนเทศกับสังคม


นางสาวสุพัตรา  สาระวัน  56010914605

 

1.1 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาการศึกษา




 

1.2 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจ พาณิชย์ และสำนักงาน




 

1.3 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่อสารมวลชน




 

1.4 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางอุตสาหกรรม




 

1.5 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์




 

1.6 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทหารตำรวจ




 

1.7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม




 

1.8 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพเกษตรกรรม




 

1.9 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนพิการต่างๆ




 

2. มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาให้กับท่าน มีอะไรบ้าง บอกมาอย่าง น้อย 3 อย่าง
-
http://tdc.thailis.or.th/tdc/
-
http://reg.msu.ac.th
-
http://www.msu.ac.th

-http://mbs.msu.ac.th


3. ข้อ 2 จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเอาเทคโนโลยีเหล่านั้น มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างไรบ้าง
- สามารถ Download เอกสารงานวิจัย วิทยานิพนธ์ฟรีจาก http://tdc.thailis.or.th/tdc/
- สามารถลงทะเบียนเรียน ตรวจสอบข้อมูลการศึกษา ได้จาก
http://reg.msu.ac.th
- สามารถติดตามข่าวสารจากทางมหาวิทยาลัย และดูรายละเอียดต่างๆในหลักสูตรได้จาก
http://www.msu.ac.th

-สามารถดูข่าวสารคณะการบัญชีและการจัดการได้จาก -http://mbs.msu.ac.th


 

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

แบบฝึกหัดบทที่ 1 แนวคิดและแนวโน้มเกี่ยวกับข้อมูลสารสนเทศยุคใหม่


แบบฝึกหัด

บทที่ 1 (กิจกรรม)                                                                                                               กลุ่มที่เรียน 1

รายวิชาการจัดการสารสนเทศใหม่ในชีวิตประจำวัน           รหัสวิชา  0026008

ชื่อนางสาวสุพัตตรา   สาระวัน               รหัส 56010914605

จงเติมในช่องว่างว่าข้อใดเป็นข้อมูล หรือสารสนเทศ

1.ข้อมูลหมายถึง ข้อเท็จจริงหรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เช่น คน สัตว์ สิ่งของสถานที่
ฯลฯ โดยอยู่ในรูปแบบที่ เหมาะสมต่อการสื่อสาร การแปลความหมายและการประมวลผล ซึ่งข้อมูลอาจจะ
ได้มาจากการสังเกต การรวบรวม การวัด ข้อมูลเป็นได้ทั้งข้อมูลตัวเลขหรือสัญญลักษณ์ใด ๆ ที่สำคัญจะ
ต้องมีความเป็นจริงและต่อเนื่องตัวอย่างของข้อมูล เช่น คะแนนสอบ ชือนักเรียน เพศ อายุ เป็นต้น

2.ข้อมูลปฐมภูมิคือ  สารสนเทศที่ได้มาจากแหล่งโดยตรง จึงให้รายละเอียดที่ลึกซึ้ง ทันสมัย มีความผิดพลาดน้อย แต่เป็นข้อมูลที่ยังต้องนำมาจัดระเบียบ รวบรวมตีความและประมวลผล เพื่อให้สามารถนำไปใช้ได้ง่ายขึ้นข้อมูลปฐมภูมิมักได้จากแหล่งข้อมูลตัวบุคค

ยกตัวอย่างเช่น วารสาร รายงาน รายงานการวิจัย รายงานการประชุมและสัมมนาวิชาการ สิทธิบัติ เอกสารมาตรฐานต่างๆ วารสารอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

3.ข้อมูลทุติยภูมิคือ สารสนเทศที่มีการรวบรวมเรียบเรียงขึ้นใหม่จากแหล่งสารสนเทศปฐมภูมิ มักจะอยู่ในรูปแบบการสรุป ย่อเรื่อง จัดหมวดหมู่ ทำดรรชนีและสาระสังเขปเพื่อประโยชน์ในการเข้าถึงและสามารถใช้ข้อมุลได้อย่างสะดวกรวดเร้ว

ยกตัวอย่างเช่น สื่ออ้างอิงประเภทต่างๆ วารสารที่มีการสรุปย่อและตีความ รวมถึงหนังสือ ตำรา พจนานุกรม รายงานสถิติ เป็นต้น


4.สารสนเทศหมายถึง ข้อมูลที่ได้ผ่านกระบวนการประมวลผลแล้ว อาจใช้วิธีง่าย ๆ
เช่น หาค่าเฉลี่ยหรือใช้เทคนิคขั้นสูง เช่น การวิจัยดำเนินงาน เป็นต้น เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพข้อมูลทั่วไป
ห้อยู่ในรูปแบบที่มีความสัมพันธ์หรือมีความเกี่ยวข้องกัน เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจหตือตอบ
ปัญหาต่าง ๆ ได้ สารสนเทศประกอบด้วยข้อมูลเอกสาร เสียง หรือรูปภาพต่าง ๆ แต่จัดเนื้อเรื่องให้อยู่ใน
รูปที่มีความหมาย สารสนเทศไม่ใช่จำกัดเฉพาะเพียงตัวเลขเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

5.จงอธิบายประเภทของสารสนเทศ การแบ่งประเภทสารสนเทศมีความหลากหลายแล้วแต่จะใช้องค์ประกอบใดเป็นหลัก สารสนเทศแบ่งตามหลักคุณภาพ แบ่งสารสนเทศเป็น 2 ประเภท คือ
1.สารสนเทศที่เชื่อถือได้ เช่น ข้อเท็จจริง สถิติ ตัวเลข ที่นำเสนออย่างเป็นทางการ สามารถนำไปใช้ประโยชน์สำหรับการตัดสินใจและการวางแผนได้
2.สารสนเทศที่เชื่อถือได้น้อย เช่น ความคิดเห็น สามัญสำนึก ความรู้ทั่วไปที่นำเสนออย่างไม่เป็นทางการ

                6.ข้อเท็จจริงของสิ่งต่างๆที่อาจเป็นตัวเลขข้อความรุปภาพเสียงคือ โสตทัศนวัสดุ

                7.ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเป็น สารสนเทศ

                8.ส่วนสุงของเพื่อนที่ถามจากเพื่อนแต่ละคนเป็น แหล่งสารสนเทศที่เป็นบุคคล

                9.ผลการลงทะเบียนเป็น แหล่งทุติยภูมิ

                10.กราฟแสดงจำนวนนิสิตในห้องเรียนวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน Section วันอังคารเป็น  แหล่งทุติยภูมิ

  • Digg
  • Del.icio.us
  • StumbleUpon
  • Reddit
  • RSS

Popular Posts